- กระบวนการประกอบอาหารจะมีการใช้น้ำมันในการผัด ซึ่งจะมีไอน้ำมันฟุ้งกระจายขึ้นและมีกลิ่นของพริก กระเทียม เครื่องเทศ ส่วนในน้ำเสียจะมีกลิ่นหืนจาก กรดไขมัน
- กระบวนการคั่วและทำให้แห้ง เช่น คั่วพริก จะมีกลิ่นฉุนของพริก
การป้องกันและแก้ไข- ใช้ Grease Trap หรือตะแกรงดักไอน้ำมันซึ่งอยู่ก่อนหน้าพัดลมดูดอากาศ จะช่วยดักไอน้ำมันซึ่งมีกลิ่นปนอยู่ได้อย่างมาก ลักษณะเป็นตะแกรงบุด้วยมุ้งลวดหรือตาข่ายโลหะที่ละเอียดซึ่งอากาศผ่านได้ซ้อนกันหลายชั้น เช่น สารที่อยู่ในขิง (Zingerone) มีน้ำหนักโมเลกุลมากจึงระเหยยากกว่าแต่ก็ละลายในน้ำมันได้ดี จึงควบคุมได้โดยการดักจับหยดน้ำมัน และควรทำความสะอาดตะแกรงนี้เป็นประจำด้วยด่าง เช่น โซดาไฟ เป็นต้น ซึ่งควรใช้ในกรณีร้านอาหาร ตัวอย่างมีทั่วไปตามร้านในศูนย์อาหาร
- การคั่วพริกและเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง ควรทำในสถานที่ไกลชุมชน หรือทำการคั่วพริกหรือเครื่องเทศให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงนำมาส่งที่โรงงาน
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การระบายออกทางปล่องสูง
3. โรงงานตากปลา ทำปลาแห้ง
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานตากปลา ทำปลาแห้ง
โรงงานตากปลาหรือทำปลาแห้ง
- ในการตากปลาหรือทำปลาแห้ง จะมีกลิ่นของ เอมีน เป็นหลัก
- กระบวนการบำบัดน้ำเสีย จะมีกลิ่นของ ก๊าซไข่เน่า แอมโมเนีย และเมอร์แคปแทน เป็นหลัก
การป้องกันและแก้ไข
- เลือกสถานที่ตากปลาให้อยู่ห่างไกลจากชุมชน
- ทำให้น้ำเสียเป็นด่างหรือเป็นกลางจะช่วยยับยั้งการเกิดก๊าซที่เป็นกรดซึ่งมีกลิ่นลงได้ แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- การบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก อาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการใช้สารกลบกลิ่น ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบสครับบิงและระบบชีวภาพ
4. โรงงานมันสำปะหลังเส้น แป้งมัน ขนถ่ายมันเส้นหรืออัดเม็ด
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานมันสำปะหลังเส้นและแป้งมัน
โรงงานตากมันเส้น
- น้ำที่เกิดจากกระบวนการผลิต (Fruit Water) เช่น น้ำที่เกิดจากการล้างมันสำปะหลัง จะเกิดปฏิกิริยาการหมักภายในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้เกิดกรดบิวทิริกขึ้นจากปฏิกิริยาการหมัก
- ในการตากมันเส้นจะมีกลิ่นของสารจากปฏิกิริยา การหมักของแป้งในมันเส้น โปรตีน หรือน้ำเสียที่เกิดจากการล้างแล้วทิ้งไว้ไม่บำบัดโดยเร็วทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรีย ทำให้มีกลิ่นของกรดน้ำส้ม กรดไขมัน และ กรดบิวทิริก
- ในการขนส่งมักมีฝุ่นแป้งฟุ้งกระจายซึ่งอาจเน่าเสียในสิ่งแวดล้อมเมื่อได้รับความชื้นและเกิดการหมักทำให้มีกลิ่นเหมือนส่าเหล้า
การป้องกันและแก้ไข
- ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาการหมักโดยการลด pH ด้วยกรดให้อยู่ประมาณ 4
- ควบคุมการขนส่ง Fruit Water ไม่ให้รบกวนและกระจายออกนอกพื้นที่โรงงาน
- บำบัดน้ำเสีย โดยการแยก Fruit Water ออกจากน้ำทิ้งรวมจากกระบวนการผลิต จะสามารถลดปริมาณความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ที่จะต้องบำบัด และทำการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นโดยการบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก ตามด้วยบ่อกึ่งไร้อากาศ และบ่อผึ่ง หรืออาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) เช่น ระบบ Activated Sludge ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ
- ทำให้น้ำเสียเป็นด่างหรือเป็นกลางจะช่วยยับยั้งการเกิดก๊าซที่เป็นกรดซึ่งมีกลิ่นลงได้ แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบสครับบิง และระบบชีวภาพ
5. โรงงานแปรรูปอาหารทะเล
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานแปรรูปอาหารทะเล
โรงงานแปรรูปอาหารทะเล
- วัตถุดิบประเภทที่มีโปรตีนประเภทเนื้อ ปลา กุ้ง ที่ถูกกองเก็บไว้นาน จะมีกลิ่นของ เอมีน
- ในการต้มกุ้งหรือน้ำปลา จะมีกลิ่นของ เอมีน ระเหยออกมาพร้อมไอน้ำ
- น้ำเสียที่เกิดจากการล้างแล้วทิ้งไว้ไม่บำบัดโดยเร็วทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรีย ในการย่อยโปรตีนในปลาและเนื้อทำให้ไนโตรเจนและกำมะถันใ
- โปรตีนเปลี่ยนรูปเป็น แอมโมเนีย และก๊าซไข่เน่า บางส่วนของไนโตรเจนกลายเป็นกลิ่นคาวจัด เช่น เอมีน
การป้องกันและแก้ไข
- วิธีการป้องกันกลิ่นเบื้องต้นควรทำให้น้ำเสียมี pH สูงขึ้นโดยการเติมปูนขาว
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การใช้สารกลบกลิ่น ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบสครับบิง ระบบดูดซับ และระบบชีวภาพ
- น้ำเสียจากโรงงานแปรรูปอาหารทะเล มีลักษณะเช่นเดียวกับน้ำเสียจากอุตสาหกรรมเกษตรอื่นๆ คือมีสารอินทรีย์อยู่ในปริมาณสูง ซึ่งจำเป็นต้องใช้กระบวนการบำบัดทางชีวภาพ สามารถ เลือกใช้ระบบแบบ ไร้อากาศ (Anaerobic) โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก อาจเลือกใช้ระบบชีวภาพแบบที่ใช้อากาศ (Aerobic) เช่น ระบบ Activated Sludge ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
6. โรงงานอาหารสัตว์
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานอาหารสัตว์
- กระบวนการผสมวัตถุดิบ เช่น ปลาป่น มันสำปะหลัง ด้วยน้ำและอัดเม็ดอบแห้ง จะมีไอน้ำที่มีกลิ่นของวัตถุดิบ ได้แก่ เอมีน และ กรดไขมันออกมาในอากาศ
- การขนส่งวัตถุดิบ เช่น มันสำปะหลังอัดเม็ด ปลาป่น หากไม่มีการปิดมิดชิดก็มีกลิ่นรบกวนได้
การป้องกันและแก้ไข- ทำความสะอาดพื้นที่ทำงานอย่าให้มีเศษวัตถุดิบตกค้าง
- การปิดคลุมวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ จะสามารถลดกลิ่นที่เกิดขึ้นได้
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ วิธีการใช้สารกลบกลิ่น ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบสครับบิง ระบบดูดซับ และระบบชีวภาพ
- น้ำเสียจากโรงงานอาหารสัตว์ มีลักษณะเช่นเดียวกับน้ำเสียจากอุตสาหกรรมเกษตรอื่นๆ คือมีสารอินทรีย์อยู่ในปริมาณสูง ซึ่งจำเป็นต้องใช้กระบวนการบำบัดทางชีวภาพ สามารถ เลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก อาจเลือกใช้ระบบชีวภาพแบบที่ใช้อากาศ (Aerobic) เช่น ระบบ Activated Sludge ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
7. โรงงานผสมปุ๋ยเคมี หรือยาปราบศัตรูพืช
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นแอมโมเนียในโรงงานผสมปุ๋ย
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานผลิตยาปราบศัตรูพืช
ในประเทศไทยโรงงานปุ๋ยเคมีหรือโรงงานผลิตยาปราบศัตรูพืชส่วนมากเป็นโรงงานที่ซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศและนำมาผสมตามสูตรให้ได้ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆกัน ไม่ได้เป็นโรงงานที่ผลิตสารเคมีขึ้นมาเอง
การป้องกันและแก้ไข
- ปัญหาเกิดจากกระบวนการผสม ถ้าทำในสถานที่เปิดทำให้กลิ่น สารเคมีที่ใช้ และตัวทำละลายระเหยออกมาได้ การแก้ไขคือ ปรับปรุงบริเวณที่ทำการผสมให้เป็นสถานที่ปิดมิดชิด
- ดูดอากาศไปบำบัดกลิ่น โดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การควบแน่น ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบสครับบิง ระบบดูดซับและระบบชีวภาพ
8. โรงงานยางและผลิตภัณฑ์จากน้ำยาง
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานที่ใช้น้ำยาง
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานหล่อดอกยาง
โรงงานยางและผลิตภัณฑ์จากน้ำยาง ได้แก่ โรงงานผลิตหัวนมยางที่ใช้น้ำยางในการผลิต โรงงานหล่อดอกยาง
- โรงงานที่ใช้น้ำยางในการผลิตกลิ่นแอมโมเนีย จะเกิดที่ต้นทางโดยมีการเติมแอมโมเนียในน้ำยางก่อนการขนส่ง เมื่อมาถึงโรงงานทำผลิตภัณฑ์จะมีกระบวนการไล่แอมโมเนียออกไปจากจากการใช้เชื้อเพลิงไม่เหมาะสมน้ำยางซึ่งแอมโมเนียที่เติมไปทั้งหมดจะออกมาสู่อากาศ ทำให้เกิดเป็นกลิ่นรุนแรงมากซึ่งเป็นอันตราย
- โรงงานหล่อดอกยาง มักเกิดปัญหากลิ่นของยางไหม้ จากการใช้เชื้อเพลิงไม่เหมาะสม
การป้องกันและแก้ไข
- กำหนดตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานให้อยู่ห่างจากชุมชน
- ห้ามเผายางที่ไม่ใช้แล้วในพื้นที่ชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง
- การบำบัดโดยใช้ระบบสครับบิง และกรดเจือจางจึงมีประสิทธิภาพสูงเกือบ 100% ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ระบบนี้ คือ ระบบดูดอากาศเพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดมีข้อบกพร่องทำให้ดูดรวบรวมอากาศเข้าสู่ระบบไม่หมด และไม่ควบคุมสภาพความเป็นกรดของน้ำที่ใช้ในระบบสครับบิง
9. โรงงานเคมีและปิโตรเคมี
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานผลิตกรดกำมะถัน
ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เป็นผลพลอยได้จากการเผา(ถลุง)แร่ที่มีกำมะถันปน เช่น แร่สังกะสี แร่ทองแดง นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ (SO2) ของขั้นตอนนี้ได้ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์บางส่วนจะหลุดออกจากหอดูดซับและทำให้เกิดกลิ่นจากโรงงานประเภทนี้
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานผลิตคลอรีน
หมายเหตุ คลอรีนและกรดเกลืออาจรั่วหรือระเหยได้ระหว่างการขนส่งและการนำไปใช้ ทำให้มีกลิ่นของกรดเกลือและคลอรีนซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัว หากเข้มข้นมากจะทำให้เกิดอาการแสบจมูก
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานปิโตรเคมี
- โรงงานเคมีและปิโตรเคมี แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ Upstream ได้แก่ โรงแยกก๊าซ โรงงานทำผลผลิตจากก๊าซธรรมชาติแล้วได้สารที่นำไปทำการผลิตต่อได้ เช่น Ethylene, Propylene ปกติแล้วโรงงานประเภทนี้มักไม่ค่อยมีกลิ่นเพราะผลผลิตเป็นสารที่ไม่มีกลิ่น แต่ในบางกรณีอาจมีกลิ่นติดมากับวัตถุดิบ เช่น ก๊าซธรรมชาติอาจมีสารประกอบกำมะถันปนมาบ้างซึ่งต้องนำมาแยกออก โรงงานที่รับผลผลิตจากประเภทแรกไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตต่อเป็นโรงงานประเภท Downstream เช่น โรงงานทำเม็ดพลาสติกจะนำวัตถุดิบที่เป็นสารโมโนเมอร์ (Monomer) ไปทำการโพลีเมอร์ไรซ์ (Polymerize) เป็นสารประกอบโพลีเมอร์ (polymer) เช่น เอทิลีนโพลีเมอร์ไรซ์เป็นโพลีเอทีลีน โรงงานที่มีกลิ่นมักเป็นโรงงานที่สังเคราะห์ไฮโดรคาร์บอนชนิด Aromatics เช่น Acrylonitrile , Styrene , Phthalic anhydride ,acetaldehyde , xylene , toluene , benzene , 1,3-butadiene , phenol , cresol และ ตัวทำละลาย ซึ่งขั้นตอนการผลิตที่หลากหลาย ปัญหากลิ่นมักเกิดจากการเก็บและขนส่งมากที่สุด แม้ว่าการผลิตสารเหล่านี้ทำในกระบวนการที่ปิดมิดชิดใน Reactors ที่ทันสมัยแล้วก็ตาม แต่การเก็บผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบในถัง ซึ่งมีการใช้ฝาชนิดต่างๆ ทั้งแบบฝาที่ยึดติดสนิท หรือฝาลอยได้ จะมีการระบายไอของสารที่เก็บไว้ได้จำนวนหนึ่ง น ื่องจากไอจะมีความดันที่เปลี่ยนไปตามความร้อนและการบรรจุเข้าออกจากถัง ทำให้ไอสารบางส่วนระเหยออกมาภายนอกได้ นอกจากนั้น ในระหว่างการขนถ่ายใส่ถังหรือรถบรรทุกก็จะมีการระเหยได้อีกส่วนหนึ่ง
- กลิ่นเกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงานแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป จึงต้องตรวจสอบกระบวนการผลิต รวมทั้งประเภทของวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ จึงจะทราบชนิดของสารเคมีที่ก่อปัญหา
การป้องกันและแก้ไข
- ปิดคลุมบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นให้มิดชิด
- ดูดอากาศที่มีกลิ่นมาบำบัด โดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ วิธีควบแน่นเพื่อสามารถนำไปใช้ได้ใหม่ในกระบวนการผลิตไอของสารเคมีที่ระเหยได้ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบสครับบิง และการใช้ระบบดูดซับ
- การบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก อาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
10. โรงงานผลิตสี ตัวทำละลาย หรือต้มกลั่นตัวทำละลาย
แผนผังกระบวนการผลิตสีน้ำมันและการใช้สี
- การผลิตสีน้ำมันและการใช้สี ปัญหากลิ่นมักจะเกิดจากสารที่ระเหยได้ในสี การใช้สีแบบพ่นจะสูญเสียมากกว่าการทาด้วยแปรง การพ่นสีรถ 1 คัน จะสิ้นเปลืองสีที่ไม่ติดวัตถุและกลายเป็นกากสีประมาณ 2กิโลกรัม และตัวทำละลายอีก 0.5 กิโลกรัม ควรรวบรวมกากสีและตัวทำละลายเหล่านี้เพื่อส่งบำบัดต่อไป
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในกระบวนการกลั่นแยกตัวทำละลาย
- ในระหว่างการบรรจุขนถ่ายใส่ถัง หรือรถบรรทุกจะมีการระเหยได้อีกส่วนหนึ่ง
- ปัญหากลิ่นมักจะเกิดจากการผสมสารที่ระเหยได้ในกระบวนการผลิต การเก็บ การขนส่ง เนื่องจากการระบายไอของสาร ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีความดันที่เปลี่ยนไปตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง โดยสรุปแล้วปัญหากลิ่นจากโรงงานประเภทนี้เกิดจากการระเหยของตัวทำละลาย ซึ่งเป็นสารประเภทไฮโดรคาร์บอน
- การล้างถังที่ใช้งานแล้ว จะมีสารที่ตกค้างเหลือและออกมากับน้ำ หรือสารเคมีที่ใช้
การป้องกันและแก้ไข
- ปิดคลุมบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นให้มิดชิด
- การล้างถังที่ใช้งานแล้ว จะมีสารที่ตกค้างเหลือและปนออกมากับน้ำหรือสารเคมีที่ใช้ จึงควรทำในอาคารที่ปิดมิดชิด และต้องรวบรวมน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีเพื่อส่งบำบัดต่อไป
- ดูดอากาศที่มีกลิ่นมาบำบัด โดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การใช้สารกลบกลิ่น วิธีการควบแน่น ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบดูดซับ และระบบชีวภาพ
11. โรงกลั่นน้ำมัน
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงกลั่นน้ำมัน
- กระบวนการเก็บน้ำมันดิบจะมีกลิ่นของก๊าซไข่เน่า และไฮโดรคาร์บอนจากถังเก็บ การกลั่นจะมีกลิ่นของน้ำมันพวกไฮโดรคาร์บอน Methyl Tertiary-Butyl Ether และก๊าซไข่เน่า แต่มีปริมาณน้อยเพราะสามารถควบคุมได้
- ปัญหากลิ่นมักเกิดจากการเก็บและขนส่งมากที่สุด แม้ว่าการกลั่นน้ำมันทำในกระบวนการที่ปิดมิดชิดใน Reactors ที่ทันสมัยในโรงงานแต่การเก็บบรรจุผลผลิตหรือวัตถุดิบ (น้ำมันดิบ) ในถัง ซึ่งมีการใช้ฝาชนิดต่างๆ ทั้งแบบฝาที่ยึดติดสนิท หรือฝาลอยได้ จะมีการระบายไอของสารไฮโดรคาร์บอนที่เก็บไว้ได้จำนวนหนึ่งเนื่องจากไอจะมีความดันที่เปลี่ยนไปตามความร้อนและการบรรจุเข้าออกจากถัง ทำให้ไอสารบางส่วนระเหยออกมาภายนอกได้ นอกจากนั้น ในระหว่างการขนถ่ายใส่ถังหรือรถบรรทุกก็จะมีการระเหยได้อีกส่วนหนึ่ง
- ในการเผาไหม้ซึ่งใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันเจือปนจะมีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดขึ้น กำมะถันในน้ำมันดิบจะถูกดึงออกโดย Claus Process โดยใช้ไฮโดรเจนดึงออกมาในรูปของก๊าซไข่เน่า แต่ก๊าซส่วนนี้จะถูกนำไปเผาหรือทำกำมะถันเหลวหรือผง ในกระบวนการเผาหรือทำกำมะถันมีกลิ่นของ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และกำมะถันบ้าง
- ระบบน้ำเสียจะมีก๊าซไข่เน่า เมอร์แคปแทน และไฮโดรคาร์บอน ในโรงงานกลั่นน้ำมันจะมีน้ำเสียเกิดขึ้นจากกระบวนการล้าง สารปนเปื้อนในน้ำเสียเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่มีกำมะถันเจือปน ซึ่งหากทิ้งน้ำเสียไว้ไม่บำบัดโดยเร็วทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจนทำให้กำมะถันเปลี่ยนเป็นก๊าซไข่เน่า บางส่วนของกำมะถันในน้ำเสียเปลี่ยนเป็น เมอร์แคปแทน ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
การป้องกันและแก้ไข
- ปิดคลุมบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นให้มิดชิดและดูดอากาศที่มีกลิ่นมาบำบัด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไอของสารไฮโดรคาร์บอน
- บำบัดกลิ่น โดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การควบแน่นนำกลับไปใช้ใหม่ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยา หรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบดูดซับและระบบชีวภาพ
- ทำให้น้ำเสียเป็นด่างหรือเป็นกลางจะช่วยยับยั้งการเกิดก๊าซที่เป็นกรดซึ่งมีกลิ่นลงได้ แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- การบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก อาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
12. โรงงานทำเส้นใยและพลาสติก
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นจากการผลิตเส้นใยเรยอน
- Carbon Disulfide ส่วนหนึ่งจะระเหยออกมาในขณะเกิดกระบวนการ Viscose Aging และเนื่องจากในกระบวนการผลิตนี้สารกำมะถันบางส่วนจะกลายเป็นก๊าซไข่เน่าด้วยจึงพบว่าโรงงานประเภทนี้มีปัญหาของก๊าซสองชนิดนี้และต้องมีการบำบัด
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นจากโรงงานทำเส้นใยพลาสติก
- ปัญหากลิ่นมักจะเกิดจากการเก็บและขนส่งวัตถุดิบมากที่สุด เพราะแม้ว่าการผลิตสารเหล่านี้ทำในกระบวนการที่ปิดมิดชิดใน Reactors ในโรงงานที่ทันสมัยแต่การเก็บบรรจุวัตถุดิบเช่น Styrene, Methyl Methacrylate ในถังซึ่งมีทั้งแบบมีฝาที่ยึดติดสนิทหรือฝาลอยได้ฝาชนิดต่างๆจะมีการระบายไอของสารที่เก็บไว้ได้จำนวนหนึ่งเพราะไอจะมีความดันที่เปลี่ยนไปตามความร้อนและการบรรจุเข้าออกจากถัง ทำให้ไอสารบางส่วนออกมาภายนอกได้ นอกจากนั้น การขนถ่ายใส่ถังหรือจากรถบรรทุกก็จะมีการระเหยได้อีกส่วนหนึ่ง
- กระบวนการขึ้นรูปพลาสติกไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นมาก แต่บางโรงงานนำ Monomers มา Polymerize ในสถานที่เปิดโล่ง เช่น การทำพลาสติกอัดกรอบพระ จาก Methyl Methacrylate เป็นพลาสติกชนิด acrylic หากทำในอ่างเปิดหรือระบบที่ปิดแต่ไม่มิดชิดพอเพียง กลิ่นของ monomers พวก Styrene, Methyl Methacrylate, Benzene, Butadiene, Styrene จะระเหยออกมาซึ่งมีกลิ่นรุนแรงมาก
- กลิ่นเกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงานแต่ละประเภท เช่น โรงงานเรยอนจะมีกลิ่นก๊าซไข่เน่า โรงงานทอจะมีกลิ่นจากสารTetrachloroethylene โรงงานทำพลาสติกจะมีกลิ่นเกิดจาก Styrene, Methylmethacrylate โรงงานประกอบไฟเบอร์จะมีกลิ่นจาก Styreneเป็นต้น
การป้องกันและแก้ไข
- ปิดคลุมบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นให้มิดชิดและดูดอากาศที่มีกลิ่นมาบำบัด
- วิธีบำบัดกลิ่นที่เกิดขึ้น ดำเนินการได้หลายวิธีตามความเหมาะสม ได้แก่ การควบแน่นนำกลับมาใช้ใหม่ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่
- ปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบดูดซับ และระบบชีวภาพ
13. โรงงานที่ใช้ไขสัตว์หรือไขมันในกระบวนการผลิต
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานที่ใช้ไขสัตว์หรือไขมันในกระบวนการผลิต
- โรงงานที่ใช้น้ำมันในกระบวนการผลิต มีกระบวนการใช้ความร้อนในการผลิต เช่น การทอด เส้นหมี่ ทำให้เกิดไอน้ำมันฟุ้งกระจายออกมาในอากาศ ทำให้ได้กลิ่นรบกวน
- น้ำมันที่ใช้ทอดแล้วหลายครั้งหรือน้ำมันที่เก็บไว้นาน จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนซึ่งเป็นกลิ่น กรดไขมัน
การป้องกันและแก้ไข
- ใช้ Grease Trap หรือตะแกรงดักไอน้ำมันซึ่งอยู่ก่อนหน้าพัดลมดูดอากาศ จะช่วยดักไอน้ำมันซึ่งมีกลิ่นปนอยู่ได้อย่างมาก และทำความสะอาดตะแกรงนี้เป็นประจำด้วยด่าง
- ควรมี ปล่องที่สูง พอจะทำให้กลิ่นกระจายออกไปได้มาก และเจือจางลงไปเอง
14 . โรงงานฟอกหนัง
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานฟอกหนัง
- ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตหนังฟอกจะเกิดน้ำเสียขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นของ ก๊าซไข่เน่า และ เมอร์แคปแทน เรียกกลิ่นโดยรวมว่าเกิดจาก TRS ( Total Reduced Sulfur)
- น้ำเสียจากการล้างทุกขั้นตอนมีโปรตีนและไขมันที่ถูกกำจัดออกจำนวนมาก หากทิ้งไว้ไม่บำบัดโดยเร็วทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรียชนิดไม่ใช้ออกซิเจน เช่น การย่อยโปรตีนทำให้ไนโตรเจนและกำมะถันในโปรตีนเปลี่ยนเป็น แอมโมเนียและก๊าซไข่เน่า (H2S) ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและน้ำเสียมีสภาพเป็นกรด บางส่วนของไนโตรเจนกลายเป็นกลิ่นคาวจัด เช่น เอมีน บางส่วนของกำมะถันในน้ำเสียกลายเป็น เมอร์แคปแทน ซึ่งมีกลิ่นเหม็น
การป้องกันและแก้ไข
- ปิดคลุมบริเวณที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นให้มิดชิด
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการใช้สารกลบกลิ่น
- การแก้ปัญหาชั่วคราวคือ ทำให้น้ำเสียเป็นด่างหรือเป็นกลาง ได้แก่ การเติมปูนขาว เพื่อลดการเกิดก๊าซไข่เน่า ( H2S) ซึ่งมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- ระบบบำบัดน้ำเสียของอุตสาหกรรมฟอกหนัง ปกติจะเน้นไปที่การลดสารอินทรีย์ ซัลไฟด์ และโครเมียมเป็นหลัก โดยการบำบัดทางเคมีก่อนจึงส่งไปบำบัดต่อทางชีวภาพในระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศ (Anaerobic) แล้วจึงส่งต่อไปที่ระบบบำบัดชีวภาพ แบบเติมอากาศ
- ดูดอากาศมาบำบัดกลิ่นด้วยวิธีการเผาไหม้โดยตรง การเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบสครับบิง ระบบดูดซับ และระบบชีวภาพ
15. โรงงานกระดาษและเยื่อกระดาษ
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานกระดาษและเยื่อกระดาษ
- กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษจากวัสดุการเกษตร จะมีกลิ่นของก๊าซไข่เน่าและเมอร์แคปแทน จากถังเก็บ Black Liquors กลิ่นจากน้ำเสียและกลิ่นการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เรียกกลิ่นโดยรวมว่าเกิดจาก TRS (Total Reduced Sulfur) กลิ่นที่เกิดขึ้นจากโรงงานเยื่อกระดาษเป็นสารประเภท TRS เกิดจาก Digester Blow Gas, Brown Stock Washer Vent, Evaporator และ Recovery Furnace พบมากที่สุดในส่วนที่เป็น Digester และ Recovery Furnace
- ระบบน้ำเสียจะมีก๊าซไข่เน่าและเมอร์แคปแทน กลิ่นจากน้ำเสียในทุกขั้นตอน (ที่ไม่ใช่ Black Liquor) เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรีย บางส่วนของกำมะถันในน้ำเสียกลายเป็นเมอร์แคปแทน เนื่องจากน้ำเสียมีสภาพเป็นกรดและเกิดจากการย่อยสลายของแบคทีเรียชนิดไม่ใช้ออกซิเจน กลิ่นส่วนมากจึงเกิดจากกรด H2S หรือที่เรียกกันว่าก๊าซไข่เน่า
- ระบบการเผาไหม้ที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันเจือปน จะมีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดขึ้น
การป้องกันและแก้ไข
- กลิ่นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้อาจจะมาจากหม้อไอน้ำที่ใช้น้ำมันเตาหรือถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง จึงควรใช้ถ่านหินหรือน้ำมันเตาที่มีปริมาณกำมะถันต่ำ
รวบรวมเปลือกไม้และของเหลวดำ ( Black Liquor) จากการต้มเยื่อเป็นเชื้อเพลิง เพื่อนำไปเผากำจัด (Incineration)
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบการเผาไหม้โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาหรือการเผาที่อุณหภูมิต่ำ ระบบสครับบิง ระบบดูดซับและระบบชีวภาพ
- การแก้ปัญหาชั่วคราวคือ ทำให้น้ำเสียเป็นด่างหรือเป็นกลาง ได้แก่ การเติมปูนขาว เพื่อลดการเกิดก๊าซไข่เน่า (H2S) ซึ่งมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- การบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก วิธีการที่นิยมใช้เรียกว่า Anaerobic Filtration คล้ายกับระบบตะกอนเร่ง หรือ Trickling Filter แต่ทำในสภาพไร้อากาศ อาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
16. โรงงานผลิตสุรา
แผนผังกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดกลิ่นในโรงงานผลิตสุรา
- กระบวนการผลิตสุราจากการหมักวัสดุการเกษตร จะมีกลิ่นของ ก๊าซไข่เน่า และ เมอร์แคปแทน จากถังเก็บหรือบ่อน้ำเสีย เนื่องจากน้ำกากส่ามีสารอินทรีย์สูงมากจึงทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากสารที่เกิดจากการย่อยของแบคทีเรียได้มาก
- น้ำเสียมีโปรตีนจากยีสต์ และน้ำตาลที่ถูกกำจัดออกจำนวนมาก น้ำเสียที่ทิ้งไว้ไม่บำบัดโดยเร็วทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายโดยแบคทีเรียชนิดไม่ใช้ออกซิเจน เช่น การย่อยโปรตีนทำให้ไนโตรเจนและกำมะถันเปลี่ยนเป็นแอมโมเนีย และก๊าซไข่เน่า (H2S) ทำให้เกิด กลิ่นเหม็นและน้ำเสียมีสภาพเป็นกรด บางส่วนของกำมะถันในน้ำเสียกลายเป็นเมอร์แคปแทน ซึ่งมีกลิ่นเหม็น
การป้องกันและแก้ไข
- แยกกากของเสียอย่างระวัง อย่าให้ปนเปื้อนลงในน้ำทิ้ง
- อาจแก้ไขในขั้นต้นโดยเติมด่าง เช่น ปูนขาว เพื่อลดการเกิดก๊าซไข่เน่า (H2S) ซึ่งมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งแบคทีเรียในน้ำเสียจะทำให้น้ำเกิดสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นเหม็นได้อีก จึงต้องมีการเติมปูนขาว เพื่อรักษาสภาพความเป็นด่างอยู่เสมอ
- การบำบัดน้ำเสียสามารถเลือกใช้ระบบแบบไร้อากาศ (Anaerobic) เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยทำในระบบปิดเป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นระบายออกสู่ภายนอก วิธีการที่นิยมใช้เรียกว่า Anaerobic Filtration คล้ายกับระบบตะกอนเร่ง หรือ Trickling Filter แต่ทำในสภาพไร้อากาศ อาจเลือกใช้ระบบแบบใช้อากาศ (Aerobic) ที่มีระบบรวบรวมและบำบัดกลิ่นประกอบ หรือใช้ทั้ง 2 แบบร่วมกัน
- ควบคุมกลิ่นที่เกิดขึ้นโดยเลือกใช้วิธีบำบัดตามความเหมาะสม ได้แก่ การใช้สารกลบกลิ่น ระบบควบแน่นและ/หรือนำกลับมาใช้ใหม่ ระบบการเผาไหม้โดยตรง ระบบสครับบิง ระบบดูดซับและระบบชีวภาพ
Our Products
1) Biofilters
2) Counter Current Scrubbers
3) Cros Flow Scrubbers
4) Venturi Scrubbers
5) Biotrickling Filters
6) Active Carbon Filters
7) Absorption towers
Applications